‘มือปราบรุกเขาใหญ่’ เตือน ‘โกทร’ หนีให้รอดยังมีอีกคดีอายุความถึงปี 2583 ด้าน เจ้าหน้าที่อุทยานฯมึนเหตุนักการเมืองรุกเขาใหญ่ จับมาเป็นหมื่นคดีไม่เคยพบหมดอายุความเพียงแค่ 2-3 ปี จนถึงคดีเริ่มนับวันข้าราชการเจอเหตุกระทำผิด ชูเคส ‘เอ๋ ขว้างรีณา’ ถือครองมาตั้งแต่รุ่นบิดากระทั่ง เจ้าหน้าที่พิจารณาเจอข้อผิดพลาดก็เลยจับกุมตัว
จากในกรณีที่ที่ทำการคณะกรรมการคุ้มครองปกป้องและก็กำจัดการโกงแห่งชาติ (สำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ลงความเห็นชี้มูลความไม่ถูก นางทองคำชนชั้น วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายเสนาะ วิลาวัลย์ พ่อ ในฐานะนายกหน่วยงานบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จังหวัดปราจีนบุรี แล้วก็เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวเนื่อง กรณีถูกยัดเยียดข้อหาว่าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่รัฐออกโฉนดที่ดินรุกล้ำป่าเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่พื้นที่ จังหวัดจังหวัดปราจีนบุรี โดย สำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกล่าวว่าในส่วนของคดีการออกเอกสารสิทธิโดยไม่ถูกต้อง สำหรับในการออกโฉนดที่ดินในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้น คดีจะหมดอายุในวันจันทร์ที่ 13 ไม่.ย.นี้ ซึ่งการบุกรุกออกโฉนดเกิดขึ้นเมื่อปี 2545 แม้กระนั้นเพิ่งจะมีการฟ้องร้องฟ้องร้องและก็ สำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพึ่งรับเป็นคดีความเมื่อปี 2563 รวมทั้งนายเสนาะยังมิได้ติดต่อกับตำรวจเพื่อมอบตัวอะไร โดยหลายข้างเป็นห่วงว่าจะไม่สามารถที่จะเอาผิดนายเพราะได้นั้น
ช่วงวันที่ 12 เดือนมิถุนายน พันเอกดงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติงานศูนย์การผสานการกระทำ (ศปเปรียญ) ที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในอาณาจักร (กอ.รมน.) ในฐานะชุดจับกุมตัวฟ้องร้องคดีนายเพราะ รวมทั้งนางสุวรรณชนชั้น กับพวก กรณีรุกล้ำพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในเขต จังหวัดจังหวัดปราจีนบุรี ให้สัมภาษณ์ว่า คดีนายเพราะรวมทั้งนางทองวรรณะจะต้องแยกเป็น 2 คดี โดยคดีแรกเป็นคดีการออกเอกสารสิทธิโดยไม่ถูกต้องเกิดขึ้นในปี 2545 สำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับไปปฏิบัติงาน และก็ไปย้อนมองว่าโฉนดออกปีไหน ปรากฏว่าออกในปี 2545 มีนายไพเราะแล้วก็นางทองชาติชั้นวรรณะนำชี้ รวมทั้งมีข้าราชการกรมที่ดิน เจ้ากี้เจ้าการป่าดง รวม 10 คน ร่วมออกเอกสารสิทธิ ซึ่งนับว่ามีความผิดทั้งสิ้น โดยคดีนี้จะหมดอายุความลับวันที่ 13 ไม่.ย. 2565 เป็นเฉพาะในส่วนคดีของนายเพราะ แม้กระนั้นของนางสุวรรณวรรณะจะหมดอายุความลับเดือน กรกฎาคม 2565 เนื่องจากเป็นเอกสารสิทธิคนละฉบับ ถ้าหากไม่อาจจะนำตัวนายเพราะมาส่งฟ้องได้ คดีจะหมดอายุความเป็นจริง แต่ว่านายเสนาะยังมีคดีล่วงล้ำป่าอีก 1 คดี ที่ข้าราชการเข้าไปจับในปี 2560 แล้วก็ 2563 หากนายไพเราะจะหนีก็จำต้องหนีอีกแทบ 20 ปี เหมือนกันกับนางสุวรรณชาติชั้นวรรณะ ก็โดนคดีล่วงล้ำป่าเช่นกัน
“คดีล่วงล้ำป่านี้ข้าราชการได้ฟ้องกับนายเพราะแล้วก็นางสุวรรณชาติชั้นวรรณะในข้อกล่าวหารุกล้ำอุทยานฯเขาใหญ่ ซึ่งทั้งยัง 2 คน เอาโฉนดมาแสดง แต่ว่าก็เป็นโฉนดที่ออกโดยไม่ถูกต้อง แถมยังละเมิดเพิ่มด้วย ก็เลยโดนข้อกล่าวหารุกล้ำป่า โดยเหตุนั้น จะต้องแยกเป็น 2 คดี นายเสนาะและก็นางทองคำวรรณะไม่พ้นจากความผิดในคดีการบุกรุกป่าและก็ออกโฉนดโดยไม่ถูกต้องอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ไม่ต้องกลัว หากแม้คดีนายเสนาะจะหมดอายุความลับวันที่ 13 ไม่.ย.นี้ ก็ยังมีคดีรุกล้ำป่าอีก 1 คดีรออยู่ ซึ่งจะครบอายุความในปี 2583 ถ้าหากนายเสนาะจะหนีจำต้องหนีให้รอด“ พันเอกดงษ์เพชรกล่าว
อ่านข่าวสารที่เกี่ยวพัน
ตำรวจบุกค้น 5 จุด จังหวัดปราจีนบุรี ล่าตัว ‘ไพเราะ’ คาดไหวทันทัน ชิงหนีออกนอกพื้นที่
คดี 2 บิดาลูกรุกชายเขาใหญ่ หมดอายุความ จันทร์นี้ “ดงษ์เพชร” เปิดเผยไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงออกหมายจับแล้ว
ด้านศูนย์ข่าว ข้าราชการระดับที่ถือว่าสูง จาก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า แล้วก็พืชพันธุ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติแล้วก็สภาพแวดล้อม เผยออกมาว่า กรณีดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเกิดเรื่องคดีอาญา บางทีอาจเป็นการตีความหมายโดยตั้งแต่แมื่อวันออกโฉนด หรือตามโทษในทางอาญา นับตั้งแต่วันที่เจตนาทำไม่ดี หรือเริ่มจากพฤติกรรมความผิดพลาด ซึ่งตามมายี่ห้อ 95 ของ เปรียญวิอาญา กล่าวว่าถ้าเกิดไม่ได้ฟ้องแล้วก็จับตัวได้คนที่ทำความผิดมายังศาลข้างในระบุดังนี้ นับจากวันทำความผิด เด็ดขาดอายุความ ดังเช่นว่า (1) 20 ปี สำหรับข้อผิดพลาดจำเป็นต้องระวางโทษประหาร ติดคุกตลอดชาติ หรือติดคุก 20 ปี (2) 15 ปี สำหรับข้อผิดพลาดจะต้องระวางโทษติดตะรางกว่า 7 ปี แต่ว่ายังไม่ถึง 20 ปี ฯลฯ ซึ่งจำเป็นต้องมองว่าข้าราชการที่ดิน แล้วก็คนใกล้กันที่เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ในจุดเกิดเหตุทุกคนด้วยกันคดโกงพร้อมไหม
อย่างไรก็แล้วแต่ ในทางปฏิบัติก่อนหน้าที่ผ่านมาจากการฟ้องร้องคดีแนวทางการทำทำความผิดเกี่ยวกับข้อบังคับป่าดง ในประเด็นการรุกล้ำพื้นที่ป่าซึ่งทางกรมอุทยานฯรวมทั้งกรมป่าไม้ได้ทำงานจับกุมตัวฟ้องร้องคดีมาเป็นนับพันนับหมื่นคดี ทั้งยังกรณีการบุกรุกใหญ่ๆดังเช่นว่า พื้นที่อุทยานฯทับลาน จังหวัดจังหวัดโคราช จังหวัดจังหวัดปราจีนบุรี การบุกรุกออกโฉนดในพื้นที่อุทยานฯสิริท้องนาถ จังหวัดจังหวัดภูเก็ต และยังรวมไปถึงกรณีการบุกรุกพื้นที่ป่าของ นางสาวขว้างรีณา ไกรปะทุปต์ อดีตกาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชาชนเมือง จังหวัดจังหวัดราชบุรี ที่จำต้องหลุดจากตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็ถือครองพื้นที่มายาวนานตั้งแต่รุ่นพ่อ ซึ่งมิได้นับตั้งแต่วันที่เข้ายึดมั่นครองพื้นที่ คดีเริ่มตั้งแต่แมื่อวันที่ข้าราชการพบเจอความประพฤติข้อผิดพลาด ซึ่งบางทีก็อาจจะแจ้งเหตุในวันดังที่กล่าวมาข้างต้น หรือแจ้งเหตุในวันหลังก็ตาม
“ความประพฤติความผิดพลาดในประเด็นการล่วงล้ำออกโฉนดเป็นการทำไม่ดีที่หลบซ่อนเร้น ข้าราชการอาจจะไม่รู้เหตุมาก่อน ก็เลยจะไปนับวันที่ออกโฉนดมิได้ หลายสาเหตุยึดมั่นถือครองออกโฉนดมากมายว่า 30 ปี ซึ่งข้าราชการป่าดงไม่เคยรู้เหตุ เมื่อประสบพบเห็นการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ก็จับฟ้องร้องคดี แล้วก็นับอายุความกันในเวลานั้น อย่างกรณี นางสาว ขว้างรีณาที่ครองมาตั้งแต่รุ่นบิดา เพราะเหตุใดไม่หมดอายุความ และก็ นางสาวขว้างรีณาหลุดจากตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ ซึ่งแปลความหมายรวมทั้งนับอายุความแบบนี้โทษจำคุกของนายเสนาะบางครั้งก็อาจจะหมดไป ถ้าเกิดไม่อาจจะนำตัวมาส่งฟ้องได้ทันวันที่ 13 ไม่.ย. แต่ว่าข้อผิดพลาดในทางแพ่งและก็การเอาพื้นที่ป่าคืนยังมีอยู่ ด้วยเหตุว่าพื้นที่ของเมืองไม่มีการมีไว้ในครอบครองคู่ปรับ สามารถยึดคืนพื้นที่ได้ตลอดระยะเวลา” ที่มาของข่าวเจาะจง
ส่วนปี 2563 จับตัวตรวจยึดอีกแบ่งเป็น 2 ส่วนเป็น
1.คดีล่วงล้ำใหม่ ออกนอกโฉนดเข้าไปใน อำเภอเขาใหญ่ ตรวจยึด 7 แปลง พื้นที่รวม 24-1-88 ไร่คดีอยู่ในชั้นพินิจของอัยการสูงสุด (อัยการปราจีนสั่งไม่ฟ้อง)
2.การออกโฉนดโดยไม่ถูกต้อง 3 แปลง ส่ง ปปช.ปฏิบัติการ